วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

น้ำพริกเห็ดอบสมุนไพร

 ส่วนผสม 
 
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 10 เม็ด
 
 เห็ดนางฟ้า 1 กิโลกรัม 
 ตะไคร้ 20 ต้น 
 ใบมะกรูด 15 ใบ 
 เกลือป่นครึ่งช้อนชา 
 น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย 
   


วิธีทำ
-
นำเห็ดนางฟ้าสดๆ ตัดก้านแข็งๆ ออก ฉีดเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปผึ่งพอแห้งหมาดๆ
-
นำลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน โขลกหรือบดพอแหลก
-
คั่วพริกแห้งให้เม็ดพริกพอง ตักขึ้นพักให้เย็น พริกจะเหลืองกรอบ หลังจากนั้นนำไปโขลกให้ละเอียด
-
ตะไคร้ ใบมะกรูด ล้างซอย ผึ่งพอหมาดๆ ทอดหรืออบจนกรอบ
-
ผัดเครื่องที่โขลกทั้งหมด กับน้ำมันเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล น้ำมะขามเปียก ออกรสเค็ม หวาน เปรี้ยว คั่วให้มีลักษณะแห้ง น้ำพริกที่ได้จะเป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนเม็ดถั่วเขียว

-พริกไทยอ่อน


ส่วนผสม 
 กระปิห่อใบตองเผาไฟ 2 ช้อนโต๊ะ 
 กระเทียม 5 กลีบ 
 พริกเหลือง 2  เม็ด 
 พริกไทยอ่อน  2 ช้อนโต๊ะ 
 เต้าหู้แข็ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทอดพอเหลือง 1 แผ่น 
 น้ำตาลปี๊บ หรือ น้ำตาลมะพร้าว 1 1/2  ช้อนโต๊ะ 
 น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 
 มะดันสดซอย 1/4  ถ้วย 
 น้ำมันมะกอกสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำเปล่าเติมเวลาผัด  2  ช้อนโต๊ะ 


วิธีทำ
-
เอากะปิ กระเทียม พริก ตำรวมกันพอแหลก เอาเม็ดพริกไทยใส่ลงไปทุบพอแตก ใส่มะดันซอยลงไปคลุกพอเข้ากัน 
-
เติมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา  คนให้เข้ากัน พักไว้
-
เอาน้ำมันใส่ลงไปในกะทะ ตักน้ำพริกที่โขลกไว้ ใส่น้ำเต้าหู้ที่ทอดไว้ลงไปผัด เติมน้ำเปล่านิดหน่อย คนพอเข้ากัน ชิมรสดูอีกที  เติมรสได้ตามชอบ   
-
ตักขึ้นใส่ถ้วย   ทานพร้อมสารพัดผักได้เลยค่ะ  เช่นแตงกวา   แตงไทยอ่อน  มะเขือ  ขมิ้นอ่อน  แครอท ฯลฯ



หมายเหตุ :็พริกไทยมีสรรพคุณทางช่วยลดอาการท้องอืด และช่วยระบายท้องอ่อนๆ ด้วย ถ้าตำพริกไทยแหลกไปรสจะเผ็ดมาก แค่ทุบๆ พอแตกก็พอ

น้ำพริกหนุ่ม

ส่วนผสม 
 พริกหนุ่มเผา 12 - 15 เม็ด 
 หอมแดงเผา 5 - 6 หัว 
 กระเทียมเผา 5 - 6 หัว 
 ปลาร้าขนาดเล็ก 1 ตัว 
 น้ำปลา 1 - 2 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำตาลปีบ 1 ช้อนชา 
 มะนาว 1 - 2 ลูก 
   


วิธีทำ
-
โขลกพริก หอม กระเทียมที่เผาแล้วให้ละเอียด
-
ปลาร้านำไปปิ้งแล้วแกะเอาแต่เนื้อใส่
-
โขลกรวมกันกับเครื่องน้ำพริก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล มะนาว ชิมรสตามชอบ


หมายเหตุ :น้ำพริกหนุ่มสูตรนี้ นิยมใช้รับประทานกับ ไข่ต้ม แคบหมู ไส้อั่ว จิ้นหมูฮุ้ม(หมูทอดแบบทางเหนือ) เนื้อแดดเดียว ผักสด ผักต้ม

หากทำแล้วรับประทานไม่หมด ควรเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ไม่ควรเก็บนานเกิน 3 วัน

น้ำพริกอ่อง

 ส่วนผสม 
 พริกแห้ง 5-6 เม็ด 
 หอมแดง 3-4 หัว 
 กระเทียม 5 กลีบ 
 กะปิ 1 ช้อนชา 
 หมูสับ 3 ช้อนโต๊ะ 
 มะเขือเทศเล็ก 5-6 ลูก (ใช้มะเขือส้มแบบพื้นบ้านยิ่งดี) 
 น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำปลา 
 ผักชี 
   


วิธีทำ
-
พริกแห้งเอาเมล็ดออก โขลกกับกระเทียม หอมแดง กะปิ ให้เข้ากัน
-
เอาน้ำมันขึ้นตั้งไฟ เอาเครื่องลงผัดให้หอม ใส่หมูสับคนให้เข้ากัน ผ่ามะเขือเทศลงไปผัดด้วย ปรุงรสด้วยน้ำปลา ผักชีใช้โรยหน้า


หมายเหตุ :น้ำพริกอ่องมีของแกล้มคือ แคบหมู หรือหนังพอง (หนังควายทอดจนฟู)
ผักที่กินแล้วเข้ากัน เป็นผักสด เช่น แตงกวา กะหล่ำปลี ผักชี กะหล่ำดอก กะหล่ำม่วง แครอท เป็นต้น

แซลมอนสเต๊ก


 ส่วนผสม (สำหรับ 3 ที่)  
 เนื้อปลาแซลมอน หั่นชิ้นหนา 1 เซนติเมตร
ขนาด 4 เซนติเมตร 200 กรัม
  
 ซอสเหยาะจิ้ม (ตราแม็กกี้) 2 ช้อนชา  
 น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ  
 เส้นอุด้ง (ต้มสุก) 450 กรัม 
 ผักสลัด (ผักกาดแก้ว แครอท มะเขือเทศ) 600 กรัม  
    
 ส่วนผสมน้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่น (สำหรับ 3 ที่)  
 น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ งาขาวคั่ว บุบพอแตก 1 ช้อนชา
 มิริน 4 ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
 น้ำส้มสายชูหมัก 3 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรสอาหาร (ตราแม็กกี้) 4 ช้อนโต๊ะ
 พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา  


วิธีทำ
-
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตั้งไฟร้อนปานกลาง พอกระทะร้อน นำเนื้อปลาแซลมอนลงกริลล์ในกระทะ ปรุงรสด้วยซอสเหยาะจิ้ม 1 ช้อนชา (5 เหยาะ) เหยาะลงบนเนื้อปลา กลับเนื้อปลาด้านที่มีซอสลงสัมผัสผิวกระทะ
-
เมื่อเนื้อปลาด้านล่างสุก ก่อนที่จะกลับเนื้อปลาด้านบนลงไปกริลล์ ให้ปรุงรสด้วยซอสเหยาะจิ้มอีก 1 ช้อนชา (5 เหยาะ) ลงบนเนื้อปลา แล้วจึงกลับเนื้อปลาลงไปกริลล์ให้สุก
-
เมื่อเนื้อปลาสุกครบทุกด้าน ตักขึ้นใส่จานพักไว้
-
นำเส้นอุด้งลงคลุกในกระทะที่มีซอสจากการกริลล์เนื้อปลาติดอยู่ แล้วตักขึ้นนำไปจัดจานร่วมกับเนื้อปลาและผักสลัดสด อาจจะกริลล์มะเขือเทศหรือผลไม้ เช่น องุ่น เพิ่มเติมด้วยก็ได้ เพื่อเพิ่มคุณค่าอาหารและสีสันให้กับจานอาหาร
-
ราดน้ำสลัดที่เตรียมไว้ลงบนผัก และโรยด้วยงาขาว
  
 วิธีทำน้ำสลัด
-
ผสมส่วนผสมต่างๆ ตามลำดับดังนี้ ซอสปรุงรสอาหาร น้ำเปล่า น้ำมันมะกอก มิริน น้ำส้มสายชูหมัก พริกไทยดำ คนส่วนผสมเข้าด้วยกัน ก่อนเสิร์ฟจึงค่อยใส่งาขาวลงไปผสม ถ้าใส่ลงไปเลย งาขาวจะเปื่อยยุ่ยเนื่องจากเป็นเมล็ดพืช
หมายเหตุ :- น้ำเปล่าช่วยเพิ่มความใส เหมาะในการรับประทานเป็นน้ำสลัด
- มิริน ช่วยเพิ่มรสชาติสไตล์ญี่ปุ่น
- พริกไทยดำ นำไปคั่วก่อนเล็กน้อยก่อนบุบพอแตก เพิ่มความหอม
- น้ำสลัดสูตรนี้สามารถเก็บไว้ได้นาน 1 สัปดาห์

ซี่โครงหมูอบ


ส่วนผสม 
 ซี่โครงหมู 1 เส้น  
 กระเทียม 2 หัว 
 พริกไทยป่น 1 ช้อนชา 
 รากผักชี 6-7 ราก 
 ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ 
 ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ 
 ไวน์ขาว 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้อง) 
   


วิธีทำ
-
โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียด ผสมกับซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊วขาว และน้ำผึ้ง
-
เอาเครื่องทั้งหมดใส่กะทะ เติมไวน์ขาวลงไป สับซี่โครงหมูลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว แล้วเอาฝาหม้อปิดกระทะไว้ ใช้ไฟอ่อน อบไปจนกระทั่งเนื้อหมูสุก


หมายเหตุ :จะเห็นว่าการใช้น้ำผึ้งปรุงอาหารสามารถใช่ได้เช่นเดียวกับน้ำตาล เมนูนี้หากใครไม่กินหวานก็ใช้น้ำผึ้งน้อยลงได้

จับฉ่ายแห้ง


 ส่วนผสม 
 กะหล่ำปลี 1/2 หัว 
 กวางตุ้ง 2-3 ต้น 
 หัวผักกาด 1/2 หัว 
 ต้นหอม 1 กำ 
 ผักกาดขาว 1/2 หัว 
 ขึ้นฉ่ายจีน 4-5 ต้น 
 สามชั้นพะโล้ 1 ถ้วย 
 กระเทียม 6-8 กลีบ 
 น้ำมันพืช 


วิธีทำ
-
เอาพะโล้ใส่หม้อ สับผักทุกชนิดลงไป เหลือขึ้นฉ่ายสดไว้สัก 2 ต้น หากน้ำน้อยไปให้เติมน้ำพอท่วมผัก
-
ต้มให้เดือดแล้วเคี่ยวด้วยไปอ่อนจนผักเปื่อยและน้ำงวด
-
จากนั้นเอาน้ำมันพืชใส่กระทะ บุบกระเทียมลงไปผัดก่อน ตักผักทั้งหมดลงไปผัดให้หอม แล้วหั่นขึ้นฉ่ายใส่ลงไปทีหลังจึงยกลง


หมายเหตุ :หากต้องการความหอมของขึ้นฉ่าย ต้องกินสด ๆ หรือสดที่สุด และหากต้องการเอาขึ้นฉ่ายไปลดความดันเลือดหรือขับปัสสาวะก็ควรใช้ขึ้นฉ่ายสดๆ จะได้ผลดีกว่า

กระชายผัดคะน้า

   
 ส่วนผสม 
 ยอดคะน้า 1 กำ 
 กระเทียม 6-7 กลีบ 
 กระชายหั่นฝอย 1 ถ้วยตวง 
 น้ำมันพืช น้ำซุปผัก เกลือ ซีอี๊วขาว น้ำตาลปี๊บ 
   
   


วิธีทำ
-
หั่นยอดคะน้าเป็นท่อน ๆ แล้วบุบให้แตก บุบกระเทียมเตรียมไว้
-
เอาน้ำมันพืชใส่กระทะ เอากระเทียมลงผัดก่อน ใส่ยอดคะน้าและกระชายลงไป เติมน้ำซุปลงไปผัดด้วยพอมีน้ำเล็กน้อย เติมเกลือเล็กน้อย ผัดจนผักสุก ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว และน้ำตาลปี๊บ


หมายเหตุ :ปกติคนไทยมักใช้กระชายกับเนื้อสัตว์ เพื่อดับกลิ่นคาว แต่กินแบบมังสวิรัติก็ได้เช่นเดียวกัน

ผักรวมต้มซีอิ๊ว


   
   
 ส่วนผสม 
 ผักชนิดต่างๆ เช่น ปวยเล้ง หน่อไม้ฝรั่ง แครอท หัวผักกาดขาว ผักหางหงษ์ - ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ รากบัว ฯลฯ  
 น้ำซุปผัก 
 น้ำมันพืช น้ำมันงา 
 เกลือ ซีอิ๊วขาว พริกป่น 
   
   
   


วิธีทำ
-
เอาผักชนิดต่างๆ ผัดกับน้ำมันพืชพอสลบ เติมน้ำซุปผักลงไปพอขลุกขลิก โรยเกลือลงไปนิดเดียวเพื่อให้ผักเขียว เติมซีอิ๊วขาวลงไป ต้มต่อจนน้ำเดือด จึงตักใส่จาน โรยหน้าด้วยน้ำมันงา และพริกป่นเล็กน้อย

ตำลึงผัดหนำเลี้ยบ


 ส่วนผสม  
 ผักตำลึง 1-2 กำมือ (แล้วแต่ความชอบ) 
 หนำเลี้ยบ 7 ผล 
 เนื้อหมูสับ 2 ขีด 
 กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย 
 น้ำปลา น้ำตาลทราย 


วิธีทำ
-
เด็ดตำลึงให้ได้ปริมาณพอเหมาะ
-
บี้เอาเม็ดหนำเลี้ยบออก แล้วสับเนื้อหนำเลี้ยบรวมกับเนื้อหมูสับจนละเอียดเข้ากัน
-
นำกระทะตั้งไฟ เจียวกระเทียมสับกับน้ำมันจนเหลืองหอม ใส่หมูสับที่สับผสมหนำเลี้ยบแล้ว ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทรายตามความชอบ จากนั้นใส่ตำลึงลงไปผัดพอสุก 


หมายเหตุ :ตำลึง นอกจากจะปลูกง่ายขึ้นง่าย ไม่ต้องค่อยเลี้ยงดูปูเสืออะไรมากแล้ว ยังมีสารพัดประโยชน์ต่อร่างกายของเราๆ อีกด้วย ทั้งวิตามินซีสูง ช่วยสร้างภูมิต้านทาน วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ที่มีฤทธิ์ยับยั้งและต้านมะเร็ง ลดน้ำตาลในเลือด ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และยังมีแคลเซียมช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
       
นอกจากนี้ สถาบันวิจัยโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล ยังพบว่า หากใครกินตำลึงบ่อยๆ เส้นใยอาหารในตำลึง ก็สามารถช่วยลดอัตราเสี่ยง ในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

เต้าหู้คั่วขิง

 ส่วนผสม 
 เต้าหู้แข็งหั่นเป็นชิ้นพอคำ  2  ก้อน 
 ขิงอ่อนซอย  200  กรัม 
 กระเทียบสับ  3  ช้อนโต๊ะ 
 ซีอิ้วขาว  3  ช้อนโต๊ะ 
 เห็ดหอมแช่น้ำหั่นแฉลบ  10  ดอก 
 พริกชี้ฟ้าสามสี หั่นตามยาว  1/4  ถ้วย 
 ต้นหอมหั่นเป็นท่อนยาว  2  ต้น 
 น้ำมันพืชสำหรับทอด 
 น้ำตาลทรายแดงสำหรับปรุงรสเล็กน้อย 


วิธีทำ
-
ตั้งกะทะด้วยไฟปานกลาง ใส่นำมันพืช รอให้เดือดก่อนจึงใส่เต้าหู้ ทอดพอเหลือง ตักขึ้น พักไว้
-
ใช้น้ำมันเดิม ทอดขิงให้สุกเหลือง ตักขึ้น พักไว้
-
เทน้ำมันออก จนเหลือเพียงแค่ติดกะทะ ใส่เห็ดหูหนูลงผัด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวเล็กน้อย เมื่อสุก ตักขึ้นพักไว้
-
เจียวกระเทียมให้เหลืองหอม ใส่เต้าหู้ทอด เห็ดหอมผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว น้ำตาล ใส่ขิงลงไปผัด เมื่อเข้ากันแล้วจึงใส่พริก ต้นหอม
  
 Tip :
 
-
ปกติเวลาทำไก่ผัดขิง เราจะใส่ขิงสดลงไปผัดปนกับเนื้อไก่ แต่เมื่อใช้เต้าหู้แทน เราต้องทอดขิงก่อน เพราะไม่สามารถผัดนานๆได้ เต้าหู้จะแหลก
-
 เมื่อต้องหั่นพริกทีไร เรามักแสบร้อนมือ วิธีแก้อาการนี้คือ เมื่อหั่นเสร็จ ควรล้างมือด้วยน้ำผสมเกลือ

เต้าหู้สอดไส้สาหร่าย


ส่วนผสม 
 เต้าหู้หลอดขาว 2 หลอด 
 ผักไต้หวัน 2 ขีด  
 สาหร่ายเส้นผม (แช่น้ำแล้ว) 30 กรัม 
 แครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว 50 กรัม 
 ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ, กุ้งเจ อย่างละ 30 กรัม 
 น้ำมันเห็ดหอม 1 1/2  ช้อนโต๊ะ 
 ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา 
 น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา 
 น้ำมันงา 1 ช้อนชา 
 แป้งมัน  2-3  ช้อนโต๊ะ 
 น้ำซุปเจ  1   ถ้วยตวง 
 ซีอิ๊วดำ พริกไทยป่น น้ำมันพืช 


วิธีทำ
-
นำเต้าหูมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นเจาะรูตรงกลางของเต้าหู้ที่ทอดแล้ว        
-
นำแครอท, เห็ดหอม, คึ่นช่ายไทย, ก้านผักกาดขาว, ปลิงเจ, ปลาหมึกเจ และกุ้งเจ มาหั่นเป็นเส้นเล็กๆ แล้วนำไปผัดพร้อมปรุงรส  
-
นำมาใส่เข้าไปในเต้าหู้ทอดที่เจาะรูตรงกลางแล้ว โดยใส่เพียงครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งหนึ่งใส่สาหร่ายเส้นผม จากนั้นนำเต้าหู้ที่สอดไส้สาหร่ายแล้ว ไปนึ่งประมาณ 8-10 นาที       
-
นำผักไต้หวันไปผัดในน้ำมันที่ร้อนได้ที่ พร้อมปรุงรสชาติ แล้วนำไปจัดเรียงรอบๆ เต้าหู้สอดไส้สาหร่าย
-
สุดท้ายนำน้ำซุปเจใส่กระทะตั้งเตาให้ร้อน ปรุงรสชาติด้วยน้ำมันเห็ดหอม, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลทราย, พริกไทยป่น, น้ำมันงา และซีอิ๊วดำ แล้วใส่แป้งมันตีน้ำให้เหนียว (เรียกว่าน้ำแดงหรือน้ำราดผัก) จากนั้นนำมาราดบนเต้าหู้สอดไส้สาหร่ายให้ทั่ว พร้อมเสิร์ฟได้ทันที

เต้าหู้ผัดไทย


ส่วนผสม  
 เต้าหู้ขาวชนิดแข็งหั่นชิ้นเล็ก 1 แผ่น พริกป่น 1 - 2 ช้อนชา
 ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลปีบ 2 ช้อนโต๊ะ
 ใบกุยช่ายหั่นท่อน 1/3 ถ้วย ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
 ถั่วงอกเด็ดหาง 1/2 ถ้วย น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
 หัวไชโป๊หวานสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
 ถั่วลิสงคั่ว 1/4 ถ้วย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
 หัวหอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ  


วิธีทำ
-
ใส่น้ำมันลงในกระทะ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่หัวหอมแดงลงไปเจียวพอหอม ใส่เต้าหู้ หัวไชโป๊ ผัดให้เข้ากัน
-
ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ้วขาว น้ำมะขามเปียก น้ำส้มสายชู พริกป่น ผัดพอทั่ว กันส่วนผสมไว้ด้านข้างกระทะ
-
ใส่น้ำมันที่เหลือลงไป ต่อยไข่ลงในกระทะ เกลี่ยไข่แดงไข่ขาวให้กระจาย พอไข่สุก ผัดให้เข้ากันกับส่วนผสม ที่กันไว้ข้างกระทะ ใส่กุยช่าย ถั่วงอก ถั่วลิสง ผัดให้ทั่ว ปิดไฟ
-
ตักใส่จาน รับประทานกับใบกุยช่าย ถั่วงอกดิบ หัวปลี ใบบัวบก และ มะนาวผ่าซีก
-
ถ้าต้องการทำเป็นผัดไทยห่อไข่ ก็สามารถทำได้โดยใช้ไข่ไก่ 2 ฟองตีพอเข้ากัน แล้วนำกระทะตั้งไฟให้ร้อน ทาน้ำมันบางๆ กลอกไข่ให้เป็นแผ่นบาง พอไข่เริ่มสุกจึงใส่ส่วนผสมเต้าหู้ที่ผัดไว้แล้วห่อเป็นสี่เหลี่ยม ตักใส่จาน


หมายเหตุ :
 
เต้าหู้ผัดไทยจานนี้ จะอร่อยหรือไม่อร่อย ขึ้นอยู่กับเต้าหู้ที่ใช้ จะต้องเป็นเต้าหู้สดใหม่ ไม่เป็นเมือก และไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ถั่วงอกที่ใช้ก็ต้องสดกรอบ โดยให้แช่ถั่วงอกในน้ำ ที่ผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่หนึ่ง ถั่วงอกก็จะสดกรอบนาน
   
 
ส่วนในการผัด ต้องผัดอย่างรวดเร็ว วิธีที่จะทำให้ผัดไทย มีรสชาติดีทั่วทั้งจานนั้น มีเคล็ดลับ คือ ควรจะเคี่ยวน้ำตาลปีบ น้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำส้มสายชู ไว้ก่อน เมื่อผัดให้ใส่เครื่องปรุงที่เคี่ยว และเครื่องปรุงต่างๆ แล้วใส่ถั่วงอกทีหลังสุด จะได้เต้าหู้ผัดไทย ที่มีรสชาติทั่วถึงกัน และถั่วงอกก็จะกรอบ

เต้าหู้สอดไส้


  
 ส่วนผสม 
 เต้าหู้อย่างนิ่ม 2 แผ่น  
 แครอท 25 กรัม 
 เมล็ดข้าวโพดหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 
 เห็ดเป๋าฮื้อ 25 กรัม 
 ถั่วฝักยาว 25 กรัม 
 สาหร่ายแผ่นกลมนิดหน่อย 
 ซีอิ้วขาว พริกไทย น้ำมัน 
   


วิธีทำ
-
ตัดแผ่นเต้าหู้ด้านทแยงให้เป็นก้อนสามเหลี่ยม 2 ก้อน ใช้มีดเจาะด้านยาวของก้อนเต้าหู้เป็นกระเป๋าเอาไว้
-
หั่นแครอท ถั่วฝักยาวเป็นชิ้นเล็กๆ หั่นเห็ดฟาง สาหร่าย เอาไส้ลงผัดให้สุกจนน้ำงวด
-
เอาไส้ใส่ลงไปในเต้าหู้ แล้วนำก้อนเต้าหู้ลงทอดอีกครั้ง


หมายเหตุ :การกินเต้าหู้กับเมล็ดข้าวโพดจะทำให้ได้กรดอะมิโนครบถ้วน ได้คุณค่าของโปรตีนอย่างที่ร่างกายต้องการ ส่วนเห็ดเป๋าฮื้อเชื่อว่าเป็นเห็ดประเภทเดียวที่มีวิตามินบี 12 มากเพียงพอแก่ร่างกาย ดังนั้นหากกินบ่อยๆ น่าจะป้องกันโรคโลหิตจางได้

เต้าหู้ทอดราดซอสมะขาม

วนผสม 
 เต้าหู้คินุ 1  แพ็ค (หรือเต้าหู้หลอด 2 หลอด) 
 แป้งข้าวโพด 1  ถ้วย 
 กระเทียมสับ 2  ช้อนโต๊ะ 
 หอมแดงเจียว 1/2  ถ้วย 
 รากผักชีสับ 1  ช้อนโต๊ะ 
 น้ำตาลปี๊บ  5  ช้อนโต๊ะ 
 มะขามเปียก  1/4  ถ้วย 
 น้ำปลา  2  ช้อนโต๊ะ 
 เกลือป่น  1/2  ช้อนชา 
 พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ทอด  4-5  เม็ด 
 งาขาวและงาดำอย่างละ  1/4  ถ้วย 
 น้ำมันพืชสำหรับทอด  
 ต้นหอมและผักชีสำหรับโรยหน้า 


วิธีทำ
-
หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นตามชอบ นำไปคลุกแป้งข้าวโพดที่ผสมกับงาดำงาขาวไว้แล้ว คลุกทอดทีละชิ้น  ทอดในไฟปานกลาง (ถ้าใช้ไฟแรงเต้าหู้จะแตก) พอเหลือง พักไว้
-
วิธีทำน้ำราด : เจียวกระเทียม รากผักชีพอหอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่น เคี่ยวจนเหนียวข้น ปิดไฟ
-
ราดบนเต้าหู้ที่เรียงไว้ โรยหน้าด้วยหอมเจียว พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ทอด ต้นหอม และผักชี


หมายเหตุ :หอมแดง รสเผ็ดร้อนของหอมแดงมีสรรพคุณแก้ไข้หวัด คัดจมูก ช่วยขับเสมหะ หรือจะใช้กินเป็นยาขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และบำรุงธาตุก็ได้

ซุปงาดำ

 ส่วนผสม 
 งาดำคั่ว 1.5 ขีด 
 น้ำเต้าหู้ 1 แก้ว 
 น้ำต้มสุก 1/2 แก้ว 
 ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ 
 เกลือ 1/2 ช้อนชา 
 น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 


วิธีทำ
-
ต้มข้าวโอ๊ตในน้ำต้มสุกด้วยไฟอ่อนๆ ให้พอละลาย หลังจากนั้นเติมน้ำเต้าหู้ พอร้อนใส่งาดำคั่วที่บดละเอียดตามลงไป แล้วคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
-
ปรุงแต่งรสชาติเล็กน้อยด้วยเกลือและน้ำผึ้ง

ซุปผักผสมกลมกล่อม


ส่วนผสม  
 หัวหอมใหญ่ 2-3 หัว 
 แครอท 2-3 หัว 
 ลูกเซเลรี่ทั้งก้านและใบ 1 ต้น 
 มะเขือเทศเชอร์รีสด 2 แพ็ค 
 พาร์เมซาน ชีส ตามชอบ 
 เกลือทะเลอย่างดี 
 พริกไทยดำบดใหม่ๆ 
 น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 
 ผักประกอบที่มีบ้างไม่มีบ้าง - มันฝรั่ง ฟักทอง ถั่วลันเตาแกะเมล็ด
มะเขือเทศกระป๋อง 1 กระป๋อง ซุกกินี่ 2 ผล
 




วิธีทำ
-
ล้างและหั่นผักทุกชนิดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ให้เสร็จก่อน
-
เอาหม้อตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไปให้ร้อน นำหัวหอม แครอท เซเลรี่ ลงไปผัดให้สุก และเป็นสีน้ำตาลอ่อน ถึงตอนนั้นกลิ่นซุปในอนาคต ก็จะหอมฟุ้งไปทั่วบ้านแล้ว หากไม่อยากยืนคน ก็หรี่ไฟให้อ่อนสุดๆ แล้วปิดฝาหม้อทิ้งไว้ผักจะนุ่มไปเอง
-
จากนั้นเอามะเขือเทศใส่ลงไป ผัดพอมะเขือเทศเละ เติมมะเขือเทศกระป๋อง น้ำเปล่า เร่งไฟนิดหน่อย และปิดฝาเคี่ยวไปเรื่อยๆ หากเป็นคนชอบมันฝรั่งและฟักทองเละๆ ก็ให้ใส่ไปได้เลย หรือหากชอบที่เป็นชิ้นๆ ก็เก็บไว้ใส่ตอนซุปเกือบเสร็จ หรือตอนที่ผักเกือบจะเปื่อยดีแล้วค่อยใส่ จะได้ไม่เละเกิน เคี่ยวไฟอ่อนต่อไปสักอีก 20 นาที เป็นอันเรียบร้อย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยจนได้ที่
-
เวลาทานก็โรยชีสลงไปก่อนตามความพอใจ จะหอมกรุ่นมากๆ
หมายเหตุ :วันไหนเอาซุปนี้ออกมาอุ่นทาน ก็สามารถแบ่งซุปใส่หม้อเล็ก แล้วนำเอามะกะโรนีชนิดชิ้นเล็กๆ ล้างน้ำก่อน และนำลงไปต้มรวมกับซุปได้เลย กลายเป็นซุปมะกะโรนีผัก หรือวันไหนขยันก็สามารถต้มอกไก่ (ในอีกหม้อต่างหาก) แล้วทำเป็นซุปผักไก่ฉีกก็ยังได้ ถึงตอนนั้นแนะนำว่า ให้บีบมะนาวลงไปในซุปเล็กน้อย จะได้รสเปรี้ยวๆ ทานแล้วสดชื่นดีค่ะ เก็บในตู้เย็นได้เต็มที่ 3 วัน

ซุปรวมมิตร


  
 ถั่วลันเตาหวาน 1 ถ้วยตวง ไทม์แห้ง (เครื่องเทศ) 1 ช้อนชา
 แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า   1/2 ถ้วยตวง ยี่หร่าคั่วป่น (เครื่องเทศ) 1/4 ถ้วยตวง
 มะเขือเทศปอกเปลือกสับ 2 ถ้วยตวง ทารากอนแห้ง (เครื่องเทศ) 1 ช้อนชา
 หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
 เซเลอรี่หั่นหนา 1/2 เซนติเมตร 1/4 ถ้วยตวง เกลือป่น 2 ช้อนชา
 กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วยตวง น้ำมะเขือเทศ 1 ถ้วยตวง
 มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วยตวง น้ำส้มผลไม้ 1 ช้อนชา
 ใบโหระพาเด็ดเป็นใบ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำสต๊อกผักหรือน้ำสต๊อกไก่ 5 ถ้วยตวง
 ใบโหระพาฝรั่งสับ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
 กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ  


วิธีทำ
-
กระทะตั้งไฟใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลาง พอน้ำมันใส่หอมใหญ่ กระเทียมผัดให้หอม เติมเซเลอรี กะหล่ำปลี ตามด้วยใบโหระพาสับ ทารากอน ไทม์ พริกไทยป่น ยี่หร่า เกลือผัดให้เข้ากันพักไว้
-
ตั้งน้ำสต๊อกพอเดือด ตักเครื่องที่ผัดไว้ใส่ลงไป เคี่ยวสักครู่ ประมาณ 20 นาที
-
ใส่แครอท ถั่วลันเตาหวาน มะเขือเทศสับ มันฝรั่ง น้ำมะเขือเทศ ต้มให้เดือด ลดไฟ ปิดฝา เคี่ยวประมาณ 5-10 นาที ยกลงน้ำส้มปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เวลาเสิร์ฟอุ่นให้ร้อนเล็กน้อย ตักใส่ถ้วยแต่งด้วยใบโหระพา

ซุปจีนทรงเครื่อง (อาหารเสฉวน)

ส่วนผสม  
 เต้าหู้อ่อนหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วยตวง  พริกไทยป่น 1 ช้อนชา 
 ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
 เห็ดหูหนูหั่นชิ้นเล็ก 1/4 ถ้วยตวง เกลือป่น 1 ช้อนชา
 หน่อไม้สดหั่นเป็นเส้น 1/2 ถ้วยตวง ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
 ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1/2 ช้อนโต๊ะ
 ผักชี 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
 พริกชี้ฟ้าแดงสับ 1 ช้อนชา น้ำสต๊อกไก่ 8 ถ้วยตวง
 ขิงสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
 แป้งข้าวโพด 1/4 ถ้วยตวง  
    
 
หมูหมัก
  
 เนื้อหมูส่วนสันนอก 300 กรัม  
 แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา  
 ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา  
 น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา  


วิธีทำ
-
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นยาว หมักกับเครื่องหมักเคล้าให้ทั่ว หมักทิ้งไว้ 30 นาที
-
กระทะตั้งไฟกลาง ใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่พริกแดงสับ ใส่หมูหมัก ผัดไฟกลางจนสุก ตักใส่จานพักไว้
-
น้ำสต๊อกไก่ตั้งไฟ ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำส้มสายชู ต้มจนเดือดใส่เห็ดหูหนู เนื้อหมูที่ผัด เคี่ยว 10 นาที ใส่แป้งข้าวโพดละลายกับน้ำ 1/4 ถ้วยตวง ต้มจนสุกใสเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่เต้าหูค่อยๆ ใส่ไข่คนเบาๆ เพื่อให้ไข่กระจายทั่วเป็นเส้นสวยปิดไฟ
-
เวลาจะรับประทาน อุ่นให้ร้อนตักเครื่องปรุงใส่ถ้วยเสิร์ฟทันที โรยหน้าด้วยใบผักชีพริกไทยป่น

ซุปเห็ดหอมน้ำแดง


 ส่วนผสม 
 น้ำซุปผัก  5  ถ้วย 
 ซีอิ๊วดำ  1  ช้อนชา 
 ซีอิ๊วขาว  1 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำตาลทรายแดง  3  ช้อนชา 
 น้ำมันงา  2  ช้อนชา 
 พริกไทยดำ  1  ช้อนชา 
 เนื้อปูหรือปูอัด  2  ขีด 
 เห็ดผัดปรุงรสแล้ว  1/2  ถ้วย 
 แป้งข้าวโพด  1/4  ถ้วย ต้นหอมหั่นเป็นท่อน  2-3  ต้น
 น้ำเปล่า  1/2  ถ้วย ผักชีสำหรับโรยหน้า
    
 ส่วนผสมเห็ดผัดปรุงรส  
    
 เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ  10  ดอก ขิงแก่หั่นบางๆ  3-4  แว่น
 เห็ดหูหนูขาว  1  ถ้วย ซีอิ๊วขาว  1 ช้อนโต๊ะ
 น้ำมันพืช 2  ช้อนโต๊ะ น้ำแช่เห็ดหอม  1  ถ้วย


วิธีทำ
-
ผัดเห็ดหอม ขิง กับน้ำมันงา ใส่เห็ดหูหนูขาว ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เติมน้ำแช่เห็ดหอมแล้วเคี่ยว เพื่อให้รสชาติซึมเข้าเนื้อเห็ด ใส่น้ำตาลทรายแดงนิดหน่อยพอให้รสกลมกล่อม ผัดจนแห้ง พักไว้
-
ต้มน้ำซุปผักจนเดือด คอยช้อนฟองออก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายแดงนิดหน่อย และพริกไทยดำ ชิมอย่าให้ออกรสเค็มมาก
-
ใส่เห็ดที่ปรุงรสแล้วลงไปพร้อมเนื้อปู รอจนเดือด
-
ค่อยๆเติมแป้งข้าวโพดที่ผสมน้ำไว้แล้วลงไป ค่อยๆคน เมื่อแป้งสุกแล้วจะใส ตักขึ้นเสิร์ฟ โรยผักชีและพริกไทยที่เหลือ
  
 Tips 
 
-
น้ำซุปผักทำง่ายๆ เพียงนำหัวไชเท้า 1 หัวปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แครอท 1 หัว ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ เช่นกัน และหอมใหญ่ 1 หัว ผ่าเป็น 4 ชิ้น นำลงต้มรวมกันในน้ำเปล่า 6-7 ถ้วยตวง เคี่ยวไฟอ่อนปานกลางประมาณ 20 นาที
-
การปรุงรสเห็ดก่อนนำไปทำอาหาร ช่วยให้เห็ดดูดรสชาติเครื่องปรุงไว้ เมื่อนำไปทำอาหารจะได้เห็ดที่ยังมีรสชาติอยู่ ไม่จืด
-
ต้มน้ำซุปอย่าให้เค็ม เพราะเมื่อใส่เห็ดปรุงรสลงไปรสชาติน้ำซุปจะเค็มขึ้น
-
หากชอบกุ้งสามารถใส่กุ้งแทนเนื้อปูได้ สำหรับคนกินมังสวิรัติก็ใช้เต้าหู้แทนเนื้อปู

ซุปเห็ดหอม


 
 ส่วนผสม 
 เห็ดหอมดอกใหญ่ ๆ 3-4 ดอก 
 น้ำซุปกระดูกหมู 1 ถ้วย 
 หมูสับ 2 ช้อนชา 
 เกลือ นิดหน่อย 
 ต้นหอม ผักชี โรยหน้า 
   
   


วิธีทำ
-
แช่เห็ดหอมให้บานก่อน จากนั้นหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในน้ำต้มกระดูกหมู เติมน้ำเปล่าลงไปอีก 2 ถ้วย
-
จากนั้นต้มให้เดือด แล้วเคี่ยวให้เหลือน้ำ 1 ถ้วย เติมเกลือเล็กน้อย เวลาเสิร์ฟโรยหน้าด้วยต้นหอมผักชี


หมายเหตุ :ในเห็ดหอมมีสารกระตุ้นภูมิต้านทานและสารต่อต้านไวรัสชื่อ เลนติแนน (lentinan) จึงมีผลต่อภูมิต้านทาน แต่การกินเห็ดหอมเพื่อให้ได้สารตัวนี้จะต้องฝานเห็ด ต้มแล้วเคี่ยว จากน้ำที่ต้ม 3 ส่วนให้เหลือ 1 ส่วนจึงจะสามารถสกัดเอาสารดังกล่าวออกมาจากเห็ดหอมได้ ไม่ใช่เอาแช่น้ำแล้วหั่นใส่กับข้าวเฉยๆ ดังนั้นหากต้องการสารเสริมภูมิต้านทานดังกล่าว จะต้องต้มและเคี่ยวเห็ดหอม แล้วกินน้ำซุปเท่านั้น

ซุปแครอทเพื่อสุขภาพ


ส่วนผสม  
 แครอทหั่นบางๆ ขวางหัว           
 น้ำส้มคั้น (ใช้ส้มหวานอมเปรี้ยว) 500 กรัม 
 ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นฝอย 200 กรัม 
 มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วยตวง 
 ขิงแก่ขูดหรือสับ 1 1/2 ช้อนชา 
 น้ำสต๊อกไก่หรือน้ำสต๊อกผัก 5 ถ้วยตวง 
 น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ 
 เกลือป่น พริกไทยป่นสำหรับปรุงรส 
 ยอดใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง 


วิธีทำ
-
กระทะตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำมันมะกอกขิงสับลงผัด พอหอมใส่ต้นหอมลงผัดจนสุก ใส่แครรอทมันฝรั่ง ผัดจนผักสุกประมาณ 5 นาที
-
เติมน้ำสต๊อกลงไป คนให้ทั่วปิดฝา เคี่ยวไฟอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น
-
ตักซุปที่เคี่ยวไว้ใส่เครื่องปั่น ปั่นเข้าด้วยกันให้ละเอียด เทกลับใส่ลงในกระทะ ตั้งไฟอีกครั้งใช้ไฟกลางพอเดือด เทน้ำส้มคั้นใส่ ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยตามชอบ เวลาเสิร์ฟโรยหน้าด้วยยอดใบสะระแหน่

ส้มเช้งแช่น้ำผึ้ง


 
 ส่วนผสม 
 ส้มเช้ง 2-3 ผล 
 มะนาวปลอดสารพิษ 1 ผล 
 น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา 
 เกลือ 1/2 ช้อนชา 
   
   


วิธีทำ
-
ฝานส้มเช้งใส่จาน ขูดเปลือกมะนาวโรยลงไป ผสมน้ำผึ้งกันมะนาว และเกลือเข้าด้วยกันเติมน้ำอุ่นลงไปเล็กน้อย ราดลงไปบนจานส้ม


หมายเหตุ :การกินส้มโดยเฉพาะส้มเช้ง จะทำให้ได้วิตามินซีและฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีมากในเปลือกขาวๆ ของส้ม สารทั้งสองตัวนี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน
มะนาวกับน้ำผึ้งและเกลือจะช่วยกัดเสมหะได้ดี จานนี้เหมาะเป็นอาหารว่าง

แอบเปิลสอดไส้


   
 ส่วนผสม 
 แอบเปิลเขียว 4 ลูก  
 ลูกเกด 3 ช้อนโต๊ะ 
 เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำส้มคั้น 1/2 แก้ว 
 มะนาว 1 ลูก 
 เกลือนิดหน่อย 
   


วิธีทำ
-
ตัดจุกแอบเปิลเปิดเป็นฝา คว้านเอาแกนกลางออก
-
บุบเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้แตกออก คลุกลูกเกด น้ำผึ้ง น้ำมะนาว และเกลือเข้าด้วยกันแล้วบรรจุลงไปในลูกแอบเปิล
-
เรียงแอบเปิลลงในจาน เทน้ำส้มลงไป ใช้ฟิลม์ปิดจาน แล้วนำไปทำให้สุกโดยไมโครเวฟ


หมายเหตุ :จานนี้เวลาเสิร์ฟ ตักไปทั้งแอบเปิลและน้ำ ถ้าจะราดเหล้ารัมลงไปด้วยจะวิเศษมาก จะกินทั้งอุ่นๆ ก็อร่อยดี

ฟรุตสลัด

 ส่วนผสม 
 มะละกอหั่นสี่เหลี่ยม 1 ช้อนโต๊ะ  
 สับปะรดหั่นสี่เหลี่ยม 1 ช้อนโต๊ะ 
 แตงโมตักเป็นลูกๆ 3-4 ลูก 
 แก้วมังกรหั่นสี่เหลี่ยม 1 ช้อนโต๊ะ 
 ส้มฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยม 1 ช้อนโต๊ะ หรือใช้ส้มเช้งแทนก็ได้ 
 น้ำสับปะรดคั้นสด 200 ซีซี 
 มะนาว 1 เสี้ยว 
 สะระแหน่ 2 ยอด 
   


วิธีทำ
-
เอาผลไม้ทุกอย่างแช่ลงไปในน้ำสับปะรด บีบมะนาวลงไปให้รสจัดขึ้น นำไปแช่เย็นเตรียมไว้ ถึงเวลาเสิร์ฟใช้สะระแหน่แต่งหน้า


หมายเหตุ :เด็กใช้พลังงานมากและหิวเร็ว ที่ผ่านมาเราใช้ขนมหวานให้เด็กกินเป็นอาหารว่าง เวลาผ่านไปขนมก็หวานขึ้นเรื่อยๆ น้ำเปล่าก็ถูกแทนที่โดยน้ำหวาน ทำให้เด็กของเราสมัยนี้ซนกว่าเด็กรุ่นก่อนที่ไม่ค่อยได้กินน้ำตาลมากนัก ลองเปลี่ยนขนมหวานมาเป็นผลไม้ดูซิ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างของพฤติกรรมเด็ก บ้านเราผลไม้มีหลายชนิด พลิกแพลงเสียหน่อยก็ดูน่าสนใจแล้ว

แคนตาลูปน้ำขิง


   
 ส่วนผสม 
 แคนตาลูป 1/2 ลูก  
 แตงโม 1 ชิ้น 
 ขิง 3-4 แว่น 
 พลับแห้ง 1 ลูก 
 มะนาว 1/2 ลูก 
 เกลือเล็กน้อย 
   
   


วิธีทำ
-
ใช้ที่ตักควักแคนตาลูปและแตงโม ออกมาเป็นลูกกลมๆ ให้ได้ลูกกลมๆ สลับสี ประมาณ 10-12 ลูก พักไว้ในตู้เย็น
-
เนื้อแคนตาลูปที่เหลือนำไปคั้นน้ำแยกกาก เอาน้ำไปต้มกับขิงจนเดือด แล้วตักขิงออก
-
หั่นลูกพลับแห้งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใส่ลงไปในน้ำแคนตาลูป เติมเกลือลงไปให้รสจัดขึ้น เก็บไว้ในตู้เย็น
-
เวลาจะเสิร์ฟ ตักน้ำแคนตาลูป ต้มขิงราดลงไปบนลูกกลมๆ ที่เตรียมไว้ บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย


หมายเหตุ :จานนี้ ถ้าจะให้สวย เลือกแคนตาลูปมา 2 สีเลย ทั้งสีส้มและสีเขียว
ที่จริงแตงโม หรือแคนตาลูป จะเหมาะมากสำหรับอากาศร้อนจัดๆ เพราะกินแล้วคลายร้อนได้ ยิ่งแช่เย็นจัดๆ ด้วยแล้ว เย็นชื่นใจอย่าบอกใครเชียว การต้มน้ำขิงกับแคนตาลูป แถมใส่พลับแห้งลงไปด้วย นี่เป็นการใช้อาหารแก้ความเผ็ดร้อนของขิง กินขิงในหน้าร้อนจะได้ไม่ร้อนในเราต้องการแค่กลิ่นของขิงมาชูรสอาหารจานนี้เท่านั้น

ถั่วเขียวนมสด



ถั่วเขียวเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช ถือเป็นโปรตีนชั้นดี ที่ดีกว่าเนื้อสัตว์เพราะให้พลังงานต่ำกว่า ไม่มีโคเลสเตอรอล ไขมันต่ำ แต่มีเส้นใยอาหารสูง นอกจากนี้ยังมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน วิตามินบี สังกะสี โปแตสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม และเหล็ก
คนจีนยังถือว่ากินถั่วเขียวแก้ร้อนในได้ด้วยเพราะเป็นอาหารธาตุเย็น เมนูนี้จึงเหมาะกับเป็นอาหารเช้าหน้าร้อนนี้ได้ดีทีเดียว
   
 ส่วนผสม 
 ถั่วเขียวต้มสุก 1 ถ้วย  
 น้ำ 2-3 ถ้วย 
 นมสดพร่องมันเนย 1/2 ถ้วย 
 น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 
   
   
   


วิธีทำ
-
ต้มถั่วเขียวให้สุกนิ่ม ตักขึ้นมาแต่ถั่วเขียว โดยไม่เอาน้ำที่ต้ม ราดด้วยนมสดพร่องมันเนย และน้ำผึ้ง
-
เสิร์ฟเป็นอาหารเช้าหรือเป็นอาหารว่างก็ได้ความอร่อยเปี่ยมคุณค่าโภชนาการ
เทคนิค 

ควรแช่ถั่วเขียวในน้ำสะอาดทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ถั่วนุ่มขึ้น จะทำให้เคี่ยวได้สุก และนิ่มเร็วขึ้น และระหว่างต้มถั่วหมั่นคนบ่อยๆ เพื่อ ถั่วเขียวเป็นแหล่งโปรตีนจากพืช ถือเป็นโปรตีนชั้นดี ที่ดีกว่าเนื้อสัตว์เพราะให้พลังงานต่ำกว่า ไม่มีโคเลสเตอรอล ไขมันต่ำ แต่มีเส้นใยอาหารสูง นอกจากนี้ยังมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน วิตามินบี สังกะสี โปแตสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม และเหล็ก คนจีนยังถือว่ากินถั่วเขียวแก้ร้อนในได้ด้วยเพราะเป็นอาหารธาตุเย็น เมนูนี้จึงเหมาะกับเป็นอาหารเช้าหน้าร้อนนี้ได้ดีทีเดียว ไม่ให้ถั่วติดก้นหม้อ นมสดที่ราดถั่วเขียวควรเป็นนมสดที่เย็นเจี๊ยบจะช่วยให้รสชาติอร่อยขึ้น

ข้าวผัดสองเกลอ

ส่วนผสม 
 ข้าวสวย 2 ถ้วยตวง 
 เผือก 1 ถ้วยตวง 
 มันเทศ 1 ถ้วยตวง 
 รากผักชี กระเทียบ พริกไทยโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ 
 กุ้งปอกเปลือก 1/2 ถ้วยตวง 
 ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ 
 น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา 
 แตงกวา ต้นหอม ผักชี 


วิธีทำ
-
หั่นมันเทศและเผือก เป็นรูปสี่เหลี่ยม นึ่งให้สุก ยกลง ผึ่งให้เย็น
-
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอร้อนใส่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ผัดให้หอม ใส่กุ้งลงผัด ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ใส่ข้าวสวย เผือก มันเทศ ผัดให้เข้ากัน
-
ตักใส่จาน เสิร์ฟคู่กับแตงกวา ต้นหอม ผักชี

ข้าวผัดสตรอเบอรี่


ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่)  
 ข้าวสุก 100 กรัม 
 ไข่ 1 ฟอง 
 แฮมตัดเป็นสี่เหลี่ยมเต๋า 15 กรัม 
 สตรอเบอรี่ 3 ลูก 
 น้ำมันพืช 5 มล. 
 ซีอิ้วขาว 3 มล. 
 แครอทตัดเป็นสี่เหลี่ยมเต๋า 10 กรัม 
 หมูหวาน 10 กรัม 


วิธีทำ
-
ทอดไข่หลังจากนั้นหั่นเป็นชิ้นขนาดเล็ก
-
ตั้งกระทะให้ร้อนและใส่น้ำมันลงไป ใส่แครอทและผัดจนกระทั่งนิ่มลงเล็กน้อย และใส่แฮมและไข่ลงไป
-
ใส่ข้าวสวยตามลงไป และผัดทุกอย่างให้เข้ากัน จากนั้นเติมซีอิ้วขาวและผัดให้เข้ากัน
-
ขั้นสุดท้ายใส่สตรอเบอรี่ลงไปผัดรวมกัน จากนั้นนำข้าวผัดที่ได้ไปใส่ลงในพิมพ์ และตกแต่งด้วยสตรอเบอรี่ด้านบนให้สวยงาม แล้วตกแต่งด้วยหมูหวานใช้กินคู่กัน


หมายเหตุ :สตรอเบอรี่ ผลไม้ที่มีสีสันสวยสดน่ารับประทาน กินสดจะได้รสเปรี้ยวอมหวาน แถมเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหาร อุดมด้วยวิตามินซี จำนวนมหาศาล และกรดฟอลิค รวมทั้งให้เส้นใยอาหาร ยังมีวิตามินเอ แคลเซียม ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายต่อโรคภัยต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหวัด เป็นต้น ที่สำคัญคือ ช่วยชะลอความแก่ และริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ด้วย

ข้าวหอมนิลอบเผือก

ส่วนผสม 
 ข้าวหอมนิล 3 ถ้วย (ข้าวสารกล้อง) 
 เผือก 1 หัวเล็ก 
 เนื้อหมู 100 กรัม 
 กุ้งแห้ง 50 กรัม 
 กระเทียมบุบ 1 ช้อนโต๊ะ 
 เกลือ 1/2 ช้อนชา 
 น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ 
 พริกไทย 
   


วิธีทำ
-
หั่นเผือกเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นๆ แช่กุ้งแห้ง เตรียมไว้
-
เอาน้ำมันพืชตั้งไฟ ผัดกระเทียมก่อน แล้วเอาหมูลงผัด เติมเกลือ และพริกไทย ใส่เผือกและกุ้งแห้ง
-
เอาข้าวสารหอมนิลลงคลุกให้ทั่วเสร็จแล้วเอาทั้งหมดใส่หม้อหุงข้าว เติมน้ำลงไปให้เท่ากับที่หม้อหุงข้าวกำหนดสำหรับข้าวกล้อง 3 ถ้วย แล้วกดหุง พอสุกก็ตักเสิร์ฟได้


หมายเหตุ :ในตลาดข้าวหอมนิลก็มี 2 แบบ แบบข้าวกล้องที่มีสีดำเลื่อมทั้งเม็ด กับแบบที่ถูกขัดสีแล้วมีสีออกม่วงใสๆ ถ้าอยากได้ประโยชน์จากข้าวหอมนิลเต็มที่ก็ต้องเลือกแบบข้าวกล้อง
ว่ากันว่าข้าวสารหอมนิลอุดมด้วยแคลเซียมและธาตุเหล็ก เพราะสีของมันเข้มมาก แต่เปิดดูในตารางสารอาหารของกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่เห็นข้อมูลทางวิชาการแต่อย่างใด
คนมักจะชอบพูดกันว่าข้าวที่มีสีแดงอย่างข้าวมันปูจะมีประโยชน์มากกว่าข้าวสีขาว แต่ทางวิชาการยังไม่มีข้อมูลแตกต่างกันชัดเจน เอาเป็นว่าใครอยากกินข้าวสีดำ สีแดง หรือสีไหนๆ ก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก แล้วแต่ชอบก็แล้วกัน
แต่ถ้าอยากจะเริ่มกินข้าวกล้องให้เริ่มจากข้าวกล้องหอมมะลิเสมอ เพราะมันจะนิ่มกว่าข้าวพันธุ์อื่นหรือข้าวสีอื่น

ข้าวอบกะหล่ำปลี


ส่วนผสม 
 ข้าวกล้องหอมมะลิ 2 ถ้วยตวง 
 กะหล่ำปลีขนาดกลาง 1/2 หัว 
 เห็ดหอมแช่น้ำ 5 ดอก 
 กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ 
 ขึ้นฉ่าย 4 โต๊ะ 
 กระเทียม 5-7 กลีบ 
 น้ำมันถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ 
 ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ 
 พริกไทยดำป่น 1 ช้อนชา 


วิธีทำ
-
ซาวข้าวกล้อง และใส่น้ำตามสัดส่วนของการหุงข้าวสวยกล้อง พักไว้
-
สับกระเทียมลงเจียวในกระทะให้พอเหลือง ใส่เห็ดหอมฉีกเป็นเส้น และกุ้งแห้งลงไป ตามด้วยกะหล่ำปลีหั่นฝอย ผัดให้ทั่ว
-
ใส่ข้าวกล้องที่เตรียมไว้ลงไปผัดรวมกัน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เหยาะพริกไทยดำป่น และขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อน
-
นำข้าวที่ผัดแล้วใส่หม้อหุงข้าว เปิดไฟอุ่นนาน 10 นาที ตักขึ้นพร้อมเสิร์ฟ